การพิมพ์ในประเทศไทย

การพิมพ์ในประเทศไทย
แม้ว่าประเทศไทย จะอยู่ใกล้กับประเทศจีน แต่ในด้านการพิมพ์แล้ว การพิมพ์ของไทย กลับได้รับอิทธิพล และรูปแบบการพิมพ์จากประเทศทางตะวันตกมากตั้งแต่ต้น ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
ในรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2205 (ค.ศ. 1662) โดยมิชันนารีฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาสอนศาสนาในสมัยนั้น จากจำนวนบาทหลวงที่เข้ามายังประเทศไทยมีสังฆราชองค์หนึ่งชื่อ ลาโน (Mgr Laneau) ได้ริเริ่มแต่ง และพิมพ์หนังสือคำสอนทาง คริสต์ศาสนาขึ้นนัยว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพอพระทัยการพิมพ์ตามวิธี ฝรั่งของสังฆราชลาโน ถึงกับทรงโปรดให้ตั้งโรงพิมพ์ขึ้นที่เมืองลพบุรี เป็นส่วนของหลวงอีกโรงพิมพ์หนึ่งต่างหาก (อำไพ จันทร์จิระ, 2512 : 73-74) และต่อมาภายหลังรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเพทราชา ได้ขับไล่บาทหลวงฝรั่งเศสออกจากราชอาณาจักรสยาม กิจการพิมพ์ในสมัยอยุธยาจึงหยุดชะงัก และไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานการพิมพ์หลงเหลืออยู่
การพิมพ์สมัยกรุงธนบุรี เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ (ฟ. ฮีแลร์, 2513 : 36) ได้กล่าวถึงการพิมพ์ในสมัยนั้นว่า ในสมัยพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี เมื่อบ้านเมืองเป็นปกติแล้ว บาทหลวงคาทอลิก ชื่อคาร์โบล ได้กลับเข้ามาสอนศาสนา จัดตั้งโรงพิมพ์ และพิมพ์หนังสือขึ้นที่วัดซันตาครูส ตำบลกุฎิจีน จังหวัดธนบุรี หนังสือฉบับนั้นลงปีที่พิมพ์ว่าเป็น ปี ค.ศ. 1796 (พ.ศ. 2339) ซึ่งคาบเกี่ยวมาถึงรัชสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสันนิษฐานได้ว่า แม่พิมพ์คงใช้วิธีการแกะแม่พิมพ์ไม้เป็นหน้า ๆ มากกว่าการใช้ตัวเรียงพิมพ์โลหะ
ในปี พ.ศ. 2356 (ค.ศ. 1813) ได้มีการหล่อตัวพิมพ์เป็นภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนางจัดสัน (Nancy Judson) ซึ่งเป็นมิชชันนารีอเมริกัน และเข้ามาดำเนินกิจการทางศาสนาในเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า นางมีความสนใจภาษาไทยจากเชลยชาวไทยในพม่า และได้ดำเนินการหล่อตัวพิมพ์ภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาตัวแม่พิมพ์ภาษาไทยชุดนี้ได้ถูกนำไปยังเมืองกัลกัตตา ประเทศพม่า และมีผู้ซื้อต่อโดยนำมาไว้ที่เมืองสิงคโปร์ นักบวชอเมริกันได้ซื้อตัวพิมพ์และแท่นพิมพ์ดังกล่าวแล้วนำมาสู่เมืองไทยอีก ทีหนึ่ง โดยมิชชันนารีคณะ American Board of Commissioners for Foreign Missions (กำธร สถิรกุล, 2515 : 198)
การหล่อตัวพิมพ์ในประเทศไทย หมอบรัดเลย์ (Dr.Dan Beach Bradley) ชาวอเมริกัน นับได้ว่าเป็นบุคคลแรกที่ได้กระทำขึ้น โดยหมอบรัดเลย์รู้สึกว่าตัวพิมพ์ไทยแบบเดิมมีลักษณะที่ไม่สวยงาม จึงได้คิดประดิษฐ์ตัวพิมพ์ขึ้นใหม่ให้น่าอ่านกว่าเดิม และทำได้ สำเร็จในปี พ.ศ. 2384 (ค.ศ. 1841) โดยขั้นแรกยังหล่อตัวพิมพ์เองไม่ได้ ต้องสั่งช่างหล่อเข้ามาจากสิงคโปร์ (วัลลภ สวัสดิวัลลภ, 2527 : 109) สำหรับการพิมพ์หนังสือขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทยนั้น บาทหลวงชาร์ล โรบินสัน (Reverand Robinson) มิชันนารีอเมริกัน ได้จัดพิมพ์ขึ้น จากแท่นพิมพ์ที่ทำด้วยไม้และแม่พิมพ์หิน (รวมทั้งตัวพิมพ์ ซึ่งนำเข้ามาจากสิงคโปร์ หนังสือฉบับนี้มี 8 หน้า เกี่ยว กับบัญญัติ 10 ประการ(Ten Commandments) พิมพ์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2379 (ค.ศ. 1836) (อำไพ จันทร์จิระ, 2516 : 88-89) หมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย ในตอนแรกมีความตั้งใจที่จะมาเผยแพร่คริสต์ศาสนา โดยอาศัยการนำวิธีการแพทย์ สมัยใหม่มาเป็นเครื่องจูงใจ ซึ่งหมอบรัดเลย์ก็ได้นำวิชาการแพทย์สมัยใหม่เข้ามาหลายอย่างเช่น การปลูกฝี การทำหนองฝี การฉีดยา การใช้ยาสลบในการผ่าตัด การตรวจรักษาตามวิชาการแพทย์สมัยใหม่ แต่เมื่อมาอยู่ เมืองไทย ได้ระยะหนึ่ง และได้ริเริ่มจับงานพิมพ์ หมอบรัดเลย์กลับมาสนใจเรื่องการพิมพ์โดยได้ดำเนินการธุรกิจ ด้านการพิมพ์มากมายหลายอย่างขึ้นในเมืองไทยจนแทบจะพูดได้ว่าได้เริ่มต้นงาน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการพิมพ์ใน เมืองไทย อาทิ
พ.ศ. 2382 ได้ให้โรงพิมพ์มิชชันนารีอเมริกันรับจ้างพิมพ์หมายประกาศห้ามสูบฝิ่น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้าง พิมพ์จำนวน 9,000 ฉบับ นับว่าเป็นเอกสารทางราชการชิ้นแรกที่จัดพิมพ์ขึ้น 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 ได้ออกหนังสือพิมพ์เป็นฉบับแรกขึ้นในเมืองไทย ซึ่ง บางกอกรีเคอร์ดอร์ (Bangkok Recorder) ซึ่งขณะนั้นเรียกว่า จดหมายเหตุอย่างสั้น ออกเดือนละ 2 ฉบับ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2404 หมอบรัดเลย์ได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือนิราศลอนดอนของหม่อมราโชทัยและจัดพิมพ์ ขายขึ้นเป็นครั้งแรก นับว่าเป็นการเริ่มต้นของการซื้อขายลิขสิทธิ์ และการพิมพ์หนังสือเล่มออกจำหน่ายในเมืองไทย (กำธร สถิรกุล, 2515 : 204) หมอบรัดเลย์ได้ถึงแก่กรรมในเมืองไทย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2414 นับได้ว่าเป็นผู้เริ่มต้นกิจการพิมพ์ขึ้นในเมืองไทยอย่างเป็นระบบ และเป็นรากฐานแก่การพิมพ์ของไทยมาจนปัจจุบัน สมควรยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการพิมพ์ไทย” (ศิริพงษ์ พยอมแย้ม, 2530 : 9)

โรงพิมพ์บางกอกพริ้น
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นคนไทยพระองค์แรกที่เริ่มต้นกิจการพิมพ์ของไทย ครั้งที่ดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎและทรงผนวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหารได้ทรง ดำรงจะนำการพิมพ์มาใช้เผยแพร่พระพุทธศาสนา โปรดใช้สั่งเครื่องพิมพ์มาตั้งไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร และให้แกะตัวพิมพ์เป็นอักษรอริยกะ ใช้พิมพ์หนังสือสอนศาสนา เช่น พระปาติโมกข์บ้าง หนังสือสวดมนต์บ้าง โดยมีพระสงฆ์ในวัดเป็นผู้จัดพิมพ์
ครั้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2394 เจ้าฟ้ามงกุฎได้ขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งยังคงสนพระทัย และทรงเล็งเห็นความสำคัญของการพิมพ์อยู่เช่นเดิม พระองค์ได้จัดตั้งโรงพิมพ์หลวงขึ้นในพระมหาราชวัง ขนานนามว่า โรงพิมพ์อักษรพิมพ์การและได้พิมพ์ผลงานชิ้นแรกออกมาคือ หนังสือราชกิจจานุเบกษา เมื่อปี พ.ศ. 2401 (วัลลภ สวัสดิวัลลภ, 2527 : 121-123)
พระราชกรณียกิจของพระองค์จึงนับว่าสำคัญมากต่อกิจการพิมพ์ และการพิมพ์หนังสือของเมืองไทย นับจากนั้นเป็นต้นมาการ พิมพ์ไทยได้เริ่มเข้าสู่ยุคพัฒนาและขยายเป็นอุตสาหกรรมการพิมพ์อย่างแพร่ หลายมาเป็นลำดับ และมีความสำคัญในการส่งเสริม งานด้านการศึกษา วัฒนธรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน (สูจิบัตรงานวันการพิมพ์ไทย,2543 : 105)

ธุรกิจการพิมพ์ในประเทศไทย

ธุรกิจการพิมพ์ในประเทศไทยในที่นี้จะกล่าวเฉพาะธุรกิจการพิมพ์บนวัสดุที่เป็นกระดาษ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์แบ่งตามส่วนของงานแยกได้ดังนี้

ธุรกิจด้านการจัดทำวัตถุดิบสำหรับการพิมพ์ คือธุรกิจที่เป็นผู้ป้อนวัตถุดิบให้กับโรงพิมพ์ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ ซึ่งรวมถึงผู้ปลูกป่า ผู้ผลิตเยื่อกระดาษ จนถึง โรงงานผลิตกระดาษ อุตสาหกรรมผลิตหมึกพิมพ์ อุตสาหกรรมทำเพลทเคลือบสารเคมี อุตสาหกรรมผลิตสารเคมีต่าง ๆ ฯลฯ อุตสาหกรรมเหล่านี้ บางอุตสาหกรรมเป็นการลงทุนที่สูงและต้องวางแผนระยะยาว เช่นอุตสาหกรรมผลิตกระดาษ ต้นทุนในการผลิตสิ่งพิมพ์แต่ละงานก็จะตกอยู่ที่ค่ากระดาษเป็นหลักซึ่งจะมีราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ตามความต้องการใช้และสภาวะของตลาดโลก ดังนั้น กระดาษจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตสิ่งพิมพ์

ธุรกิจด้านการจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการพิมพ์ ได้แก่ผู้จำหน่ายเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทขนาดต่าง ๆ เครื่องพิมพ์ซิลค์สกรีน เครื่องพิมพ์ดิจิตอล เครื่อง Imagesetter เครื่อง Platesetter เครื่องตัดเจียน เครื่องเย็บกระดาษ เครื่องไสสันทากาว เครื่องปั้ม คอมพิวเตอร์อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการพิมพ์ รวมไปถึงซอฟแวร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการออกแบบจัดทำต้นฉบับและการควบคุมการพิมพ์ ในบรรดาเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งหลายเหล่านี้ เครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทจะเป็นเครื่องจักรที่ใช้ทุนสูง เครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ผลิตในประเทศเยอรมัน และ ประเทศญี่ปุ่น เครื่องพิมพ์ที่ดีประกอบกับการจัดการที่ดีจะทำให้ผลงานการพิมพ์ออกมาดีด้วย

ธุรกิจด้านการออกแบบจัดทำต้นฉบับสำหรับการพิมพ์ อันได้แก่  ธุรกิจโฆษณา  สำนักพิมพ์  สำนักออกแบบ งานด้านนี้เป็นงานที่เกี่ยวกับการใช้ความคิดที่สร้างสรรค์ ความสวยงาม ข้อมูลการตลาด การวิจัยตลาด ฯลฯ ในการออกแบบจัดทำต้นฉบับสำหรับงานพิมพ์ ณ ปัจจุบันนี้  มีงานหลายประเภทที่ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของงานจัดทำเองในองค์กรของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาหลักซึ่งยังต้องอาศัยบริษัทโฆษณา

ธุรกิจด้านการผลิตสิ่งพิมพ์ ซึ่งหมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการผลิตสิ่งพิมพ์ทั้งหมด เริ่มจากการทำฟิล์ม/เพลทแม่พิมพ์ การปรู๊ฟงาน การพิมพ์ ขบวนการหลังการพิมพ์ เช่นการเคลือบผิว การขึ้นรูป การเข้าเล่ม เป็นต้น

ธุรกิจด้านการกระจายสื่อสิ่งพิมพ์ งานพิมพ์หลาย ๆ งาน อาจจะสิ้นสุดเมื่อลูกค้าได้รับชิ้นงานพิมพ์ เช่น สิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ แต่มีงานบางประเภทที่ยังต้องมีขั้นตอนต่อไปเช่น การส่งสิ่งพิมพ์กระจายไปให้ผู้รับรายย่อยเพื่อหวังผลทางโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ ซึ่งได้แก่ สิ่งพิมพ์ประเภทไดเร็คเมล์ วารสารต่าง ๆ

องค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจการพิมพ์ในประเทศไทย

ในปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการพิมพ์ในประเทศไทยมีการรวมตัวจัดตั้งเป็นองค์กรต่าง ๆ สร้างความเข้มแข็งแก่อุตสาหกรรมการพิมพ์ของไทย องค์กรเหล่านี้ได้แก่

สหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย

สมาคมการพิมพ์สกรีนไทย

สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย

สมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย

กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สมาคมแยกสีแม่พิมพ์เพื่ออุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย

ชมรมการจัดพิมพ์อิเล็กทรอนิกไทย

สมาคมการพิมพ์ไทย

สมาคมส่งเสริมวิชาการพิมพ์

สมาคมการค้าผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์การพิมพ์ไทย

สมาคมเยื่อและกระดาษไทย

About upper